เพราะผิวที่แตกต่าง ย่อมต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน

Dry skin
ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย หรือเห็นเป็นริ้วๆขีดๆ ยิ้มแล้วตึง ทาอะไรก็ไม่ติด
- การทำความสะอาดเครื่องสำอาง เลือกเป็นแบบออยล์ บาล์ม หรือครีม จะได้ลดการเช็ดถูหน้าแรงๆ และไม่สูญเสียสารเคลือบผิวออกไป
- การล้างหน้า จะเลือกเป็นแบบน้ำ ครีมหรือเจล ก็ได้ เน้นความอ่อนโยน ไม่ชะล้างสารเคลือบผิวออกไปเยอะ และไม่ควรใช้อุณหภูมิที่เย็นจัดหรือร้อนจัดเกินไป ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ หรืออุ่นเล็กน้อย
- หลีกเลี่ยงการสครับ ทรีตเมนท์ หรือใช้สกินแคร์ที่ผลัดเซลล์ผิวแรงๆ
- โทนเนอร์ เน้นส่วนผสมที่ลดการระคายเคืองและปลอบประโลมผิว เช่น สารสกัดจากกุหลาบ
- สกินแคร์ เน้นให้มีกลุ่ม Hyaluronic acidเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว
- อาจใช้เป็น Facial oil ช่วยเพิ่มสารเคลือบผิว ลดการอักเสบ และช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ลองหาตัวช่วยเสริมอย่าง Sleeping Mask เพื่อล็อคความชุ่มชื้นเอาไว้กับผิว และ พก Facial mist ไว้เติมความชุ่มชื้นระหว่างวัน
- ถ้าห้องทำงานหรือห้องนอนแห้งมากๆ ลองดูเครื่องพ่นไอน้ำ หรือปรับความชื้นในห้องให้เหมาะสมด้วยนะคะ
Dull and Pigmented Skin
ผิวหมองคล้ำ มีจุดด่างดำจากสิว ฝ้า กระจากแดด
- จำอย่างแรกเลยค่ะ เม็ดสีบนใบหน้า มักเกิดจากการอักเสบ เรียกว่า Post Inflammatory Hyperpigmentation หมอชอบเรียกกันว่า PIH ค่ะ ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดเลย คือ รอยดำจากสิว เพราะฉะนั้นจะดูแลเร่งรัดยังไง อย่าให้ผิวอักเสบเพิ่มขึ้นนะคะ
- การทำความสะอาดเครื่องสำอาง เน้นการทำความสะอาดที่ล้ำลึกหมดจด ผิวจะได้สะอาดจากมลภาวะที่เผชิญมาทั้งวัน ซึ่งมลพิษก็เป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้ผิวหมองคล้ำได้
- การล้างหน้า และโทนเนอร์ อาจเลือกที่มีส่วนผสมของกลุ่มเอนไซม์ที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวสะอาดขึ้นโดยไม่ต้องรุนแรงกับผิว
- สกินแคร์ เน้นส่วนผสมเป็น Antioxidants ที่ช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระใต้ผิวและสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสเพื่อลดการสร้างเม็ดสีได้ตัวเด่นๆเลย ก็คือ vitamin C
- หาเวลาทรีตเมนต์ที่มี AHA หรือ Glycolic acid เพื่อผลัดเซลล์ผิว 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ขึ้นกับสภาพผิว
- ห้ามลืมสุดๆเลย คือ กันแดด ต้องเลือก SPF 30 ขึ้นไป ให้พอเพียงกับกิจวัตรประจำวัน และอย่าลืมทาปริมาณให้พอสำหรับผิวหน้าและคอ คือ อย่างน้อย 2 ข้อนิ้วมือหรือประมาณเหรียญสิบบาท
- เม็ดสีบางชนิด เช่น กระลึก ฝ้า สำหรับบางคนอาจตอบสนองกับสกินแคร์ได้ไม่ดีนัก ต้องอาศัยเลเซอร์ที่จำเพาะต่อการลดเม็ดสีร่วมด้วยเพื่อให้ได้ผลที่เร็วขึ้น ถ้าไม่แน่ใจอาจลองปรึกษาแพทย์ผิวหนังนะคะ
Oily skin
ผิวมัน เป็นสิวง่าย รูขุมขนกว้างมองเห็นได้ชัด มีการสร้างน้ำมันมาก
- การทำความสะอาดเครื่องสำอาง แนะนำเป็นแบบน้ำหรือเจล เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตัน และทำให้รู้สึกสบายผิวมากขึ้น
- การล้างหน้า และโทนเนอร์ เน้นเลือกที่เป็นน้ำหรือเจลใส ไม่ทิ้งความมันตกค้าง แต่ต้องไม่ทำให้ผิวเสียสมดุลของสารเคลือบผิวและแบคทีเรียที่ดีบนผิวไปจนหมด เพราะหากผิวสมดุลผิวเสียไป ผิวก็จะยิ่งสร้างความมันเพิ่มขึ้นมาอีก
- สกินแคร์ หลีกเลี่ยงรูปแบบหรือส่วนผสมที่เป็นน้ำมัน ให้เลือกแบบที่เป็นเนื้อเจล หรือเจลครีมที่เนื้อไม่หนัก ให้ความชุ่มชื้นอย่างเหมาะสม ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติช่วยการสร้างน้ำมันบนใบหน้า และฟื้นฟูคอลลาเจนให้ผิว ควรเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ก็ให้เกิดสิวและปราศจากน้ำมัน (non-occlusive , non-comedogenic , oil-free)
- สำหรับคนที่หน้ามันมาก หรือมีสิวบ่อยๆ ให้เลือกสกินแคร์ที่มีอนุพันธ์ของ vitamin A เช่น retinol หรืออาจจะเป็น vitamin 3 (niacin) ผสม
- ทรีตเมนท์ผิวเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและอุดตันรูขุมขนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- ถ้าสาวๆท่านใดมีหน้ามันมาก สิวขึ้นเยอะ ขนดก ร่วมกับประจำเดือนไม่สม่ำเสมอละก็ ลองพบสูตินรีแพทย์ เพื่อปรึกษาว่าเข้าข่ายกลุ่มโรคถุงน้ำรังไข่หรือ PCOS หรือไม่นะคะ
Wrinkle and Sagging Skin
ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย สูญเสียความยืดหยุ่น ไม่กระชับ
- นอกจากเบสิคสกินแคร์ที่เลือกตามลักษณะผิวเดิมแล้ว สิ่งที่ต้องมองหาจากสกินแคร์ ได้แก่
- Retinol เพื่อช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ผลัดเซลล์ผิว และสร้างคอลลาเจนใหม่ๆ
- Hyaluronic acid เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวดูเต็มขึ้น ร่องผิวดูลึกน้อยลง
- DMAE เพื่อเสริมความกระชับของผิว และยังช่วยลดการอักเสบของผิวได้ด้วย
- สารกลุ่ม Peptide เช่น Argireline ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้นด้วย
- สำหรับใครที่มีปัญหานี้ละก็ อย่าลืมหันกลับมามองเรื่องไลฟสไตล์ด้วยนะคะ ว่าการพักผ่อนเป็นอย่างไร การรับประทานอาหารได้สารอาหารที่จำเป็นต่อผิวหรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มโปรตีน ไขมันดี และสารต้านอนุมูลอิสระ
พญ. อรกมล อินกองงาม
เวชศาสตร์ป้องกัน เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ